จากเหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ที่ น.ส.สวีจื่อหาน (許紫涵) นักเรียนชั้นม.6 ของไต้หวันในขณะนั้น กังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงในอินโดนีเซีย จึงเกิดความรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงพี่เลี้ยงชาวอินโดนีเซีย นามว่า ดวี (Dwi) ซึ่งขาดการติดต่อไปนานถึง 15 ปี จึงเข้าร่วม "โครงการตามหาแม่คนที่สองที่หายไป" ด้วยความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนของไต้หวันและอินโดนีเซีย รวมถึงสถานีวิทยุอาร์ทีไอ (Rti) ช่วยตามหา จึงทำให้สามารถติดต่อพี่เลี้ยงผู้นี้ได้ในที่สุด ตรงกับเทศกาลวันแม่ของไต้หวันเมื่อปีที่แล้วพอดี สร้างความตื้นตันใจให้แก่ประชาชนที่ทราบข่าว
สวีจื่อหาน ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยตงอู่
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลาผ่านไป 1 ปีแล้ว ปัจจุบัน สวีจื่อหานกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยตงอู่ (Soochow University) เธอเล่าว่า ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เธอติดต่อไปหาพี่ดวีเป็นประจำ 1-2 สัปดาห์/ครั้ง ประจวบกับที่มหาวิทยาลัยเปิดสอนวิชาภาษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอจึงสมัครเรียนภาษาอินโดนีเซีย เนื่องจากพี่ดวีกลับไปอินโดนีเซียนาน จึงพูดภาษาจีนไม่ค่อยได้แล้ว ทำให้เนื้อหาที่พูดคุยสนทนากันค่อนข้างจำกัด และมองว่าปัจจุบันพี่ดวีคงไม่สามารถเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมได้ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจเรียนภาษาอินโดนีเซียแทน เพื่อที่จะสื่อสารกับพี่เลี้ยงได้อย่างสะดวก ทำให้พี่ดวีรู้สึกประหลาดใจและตื้นตันใจมากที่เธอไปเรียนภาษาอินโดนีเซีย สามีของพี่ดวีกล่าวกับเธอว่า ต่อไปก็จะคุยภาษาอินโดนีเซียอัปเดตเรื่องราวชีวิตกันได้เรื่อยๆ ไม่ต้องลำบากใช้ภาษาอังกฤษคุยกันอีกต่อไป
เนื่องในโอกาสวันแม่ของไต้หวันปีนี้ สวีจื่อหานยังได้ใช้ความรู้ภาษาอินโดนีเซียที่ร่ำเรียนมาเป็นเวลา 3 เดือน พิมพ์ข้อความส่งอีการ์ดอวยพรวันแม่เป็นภาษาอินโดนีเซียเพื่อแสดงความขอบคุณส่งไปให้อดีตพี่เลี้ยงซึ่งเปรียบเสมือนแม่คนที่สองของเธออีกด้วย
ดวี (Dwi) พี่เลี้ยงชาวอินโดนีเซียในปัจจุบัน
นับจากช่วยเหลือให้สวีจื่อหานติดต่อพี่เลี้ยงได้สำเร็จ เป็นระยะเวลา 1 ปีแล้วที่ "โครงการตามหาแม่คนที่สองที่หายไป" ช่วยตามหาพี่เลี้ยงชาวอินโดนีเซียและเวียดนาม ตลอดจนเด็กต่างชาติที่เคยได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงชาวไต้หวันจนสำเร็จหลายราย สวีจื่อหานทิ้งท้ายว่า นอกจากเธอไปเรียนภาษาอินโดนีเซียแล้ว ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนปีนี้เธอยังเป็นนักศึกษาฝึกงานเพียวคนเดียวที่ได้โควตาฝึกงานในสมาคมแรงงานระหว่างประเทศไต้หวัน (TIWA) ซึ่งสมาคมดังกล่าวมีส่วนช่วยเหลือแรงงานต่างชาติในการจัดตั้งสมาคมแรงงานต่างชาติอินโดนีเซีย (IPIT) และสหภาพแรงงานต่างชาติฟิลิปปินส์ (KASAPI) ดังนั้น เธอจึงหวังว่าจะสามารถใช้ความรู้ในสาขาวิชาที่ตนเรียนและประสบการณ์เหล่านี้มาใช้ในการช่วยเหลือแรงงานต่างชาติในไต้หวันในโอกาสต่อไป