เตรียมชมพลุ ไอคอนสยาม สุดอลังการ จากข้าวเหนียว ควบคุมโดยผู้กำกับดังญี่ปุ่น

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

• 

  • 台灣國旗
  • 越南國旗
  • 泰國國旗
  • 印尼國旗
  • 菲律賓國旗

  ผู้คนนับล้านมีปัญหานอนไม่หลับทุกวัน! ผู้เชี่ยวชาญเผยกับดักอาหารที่เป็น 'ระเบิดเวลา'

  ผู้คนนับล้านในไต้หวันประสบปัญหานอนไม่หลับในแต่ละวัน จากการวิจัยของศาสตราจารย์ Chang Chih-Jen จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง พบว่าอัตราการเกิดการนอนไม่หลับในไต้หวันสูงถึง 28% โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัย 20 ถึง 39 ปีที่มีอัตราสูงถึงเกือบ 30% ซึ่งอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเอเชีย Dr. Yuan Wei จากโรงพยาบาลเจิ้นซิงระบุว่า ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเครียด อายุ และการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมก่อนนอน อาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ อาหารที่กระตุ้นการนอนไม่หลับที่พบบ่อยได้แก่ คาเฟอีน น้ำตาลสูง ไขมันสูง และอาหารรสเผ็ด คาเฟอีนในกาแฟและชาจะกระตุ้นระบบประสาท ทำให้หลับยากและลดการนอนหลับลึก น้ำตาลในปริมาณมากจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนความเครียด ไขมันและอาหารรสเผ็ดทำให้กระบวนการย่อยอาหารช้าลงและเพิ่มอุณหภูมิของร่างกาย นอกจากนี้ แอลกอฮอล์และอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น ถั่วและกะหล่ำปลี ยังส่งผลให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่องอาหารที่เป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับที่พบบ่อยรวมถึงคาเฟอีน (ภาพ/ได้รับความอนุเคราะห์จาก Heho Health)วิธีแก้ปัญหานอนไม่หลับที่ได้ผล ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ และรับประทานอาหารที่มี ทริปโตเฟน แคลเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี เช่น ปลา ถั่ว ผลิตภัณฑ์จากนม และถั่วเปลือกแข็ง ซึ่งช่วยทำให้อารมณ์สงบและเสริมคุณภาพการนอนหลับ การปรับเปลี่ยนอาหารและกิจวัตรประจำวันอย่างเหมาะสมคือวิธีที่มีประสิทธิภาพการปรับอาหารและกิจวัตรประจำวันให้เหมาะสมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ (ภาพ/ได้รับความอนุเคราะห์จาก Heho Health)บทความนี้เผยแพร่โดยได้รับอนุญาตจาก Heho Health

  2024-11-27 09:05
• 

  • 台灣國旗
  • 越南國旗
  • 泰國國旗
  • 印尼國旗
  • 菲律賓國旗

  ทดสอบความดันลูกตาด้วยตนเองและกดจุดเพื่อลดความดันและปรับปรุงการมองเห็น

  คุณเคยมีอาการตั้งแต่ตาแห้งเล็กน้อยไปจนถึงอาการไม่สบายตา ลูกตาปวด มองเห็นไม่ชัด ปวดศีรษะข้างเดียวถึงปวดศีรษะรุนแรงและอาเจียนหรือไม่? เมื่อร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า ดวงตามักเป็น "อวัยวะ" แรกที่แสดงออกมา ในยุคปัจจุบันผู้คนมักถูกอุปกรณ์ 3C ผูกมัด จ้องหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานโดยไม่ได้พักผ่อนอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดอาการตาล้า เวียนศีรษะ และความดันลูกตาสูงความดันลูกตาหมายถึงความดันที่ลูกตาต้องรับ หากสูงเกินไป อาจทำให้เกิดต้อหินและการกดทับเส้นประสาทตาได้ และเมื่อเส้นประสาทตาเสียหายแล้วแทบจะไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ ดังนั้นอย่ามองข้ามเด็ดขาด!การกดจุด 5 จุดสามารถลดความดันและปรับปรุงการมองเห็น (ภาพ / ได้รับความอนุเคราะห์จาก Heho Health)อาการของความดันลูกตาสูง:ตาไม่สบายตาแห้งและเจ็บมองเห็นแสงรอบดวงไฟลูกตาปวดเบ้าตาปวดมองเห็นไม่ชัดปวดศีรษะข้างเดียวถึงปวดศีรษะรุนแรงอาเจียนวิธีตรวจสอบความดันลูกตาด้วยตนเอง:หากไม่มีเครื่องวัดความดันลูกตา จะรู้ได้อย่างไรว่าการปวดตาอย่างกะทันหันเป็นผลจากความดันลูกตาที่ผิดปกติ? ศาสตราจารย์หลิง ยุนหลานจากศูนย์จักษุวิทยา Zhongshan แห่งมหาวิทยาลัยซุนยัตเซนในกวางโจว สอนวิธีใช้ "วิธีตรวจด้วยนิ้ว" เพียงสองนิ้วและสองขั้นตอน คุณก็สามารถตรวจสอบความดันลูกตาด้วยตนเองได้ว่ามีความสูงเกินไปหรือไม่หลับตาใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างแตะเบาๆ ที่ลูกตาหากรู้สึกนุ่มเหมือนริมฝีปาก แสดงว่าความดันลูกตาเป็นปกติหากรู้สึกแข็งเหมือนปลายจมูก แสดงว่าความดันลูกตาเพิ่มขึ้นถึงระดับเบาถึงปานกลางหากรู้สึกแข็งเหมือนหน้าผาก แสดงว่าความดันลูกตาเพิ่มขึ้นสูงมากวิธีนี้ใช้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น หากตาคุณรู้สึกไม่สบายมาก ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ดวงตาคนยุคใหม่มักรู้สึกเหนื่อยล้าตาเนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์ 3C (ภาพ / ได้รับความอนุเคราะห์จาก Heho Health)กดจุดเพื่อลดความดันลูกตาสูง:จุดซ่านจู้: บริเวณที่เว้าในหัวคิ้วด้านในจุดชิงหมิง: บริเวณด้านบนเล็กน้อยของมุมตาด้านใน ใกล้กับสะพานจมูกจุดซ่างไป่: ระหว่างกระดูกฝ่ามือที่ 2 และ 3 บนหลังมือ ประมาณความกว้างของนิ้วชี้หนึ่งนิ้วเหนือข้อต่อฝ่ามือจุดซูหลินชิ: บริเวณที่เว้าระหว่างกระดูกฝ่าเท้าที่ 4 และ 5จุดไท่ชง: บริเวณที่เว้าระหว่างกระดูกฝ่าเท้าที่ 1 และ 2นอกจากนี้ คุณยังสามารถทำการเคลื่อนไหวง่ายๆ เพื่อบรรเทาความไม่สบายของระบบประสาท:ยืดกล้ามเนื้อคอ: นอนหงายบนเตียงแบน ม้วนผ้าขนหนูขนาดปกติ วางไว้ใต้คอ พยายามให้ศีรษะเอนหลังมากที่สุดเพื่อช่วยยืดกล้ามเนื้อคอประคบร้อน: ใช้ผ้าขนหนูอุ่นประคบที่ตาทั้งสองข้าง ปล่อยให้ตาหลับประมาณ 10 นาที

  2024-08-02 09:00
• 

  • 台灣國旗
  • 越南國旗
  • 泰國國旗
  • 印尼國旗
  • 菲律賓國旗

  ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินควรมุ่งเน้นการ 'รักษาเพื่อบรรลุเป้าหมาย'

  ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินไม่ได้เพียงแค่ต้องทนกับความไม่สบายใจจากแผลสะเก็ดเงินบนผิวหนัง แต่ยังต้องเผชิญกับอาการบวมและปวดที่ข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า และข้อต่อต่าง ๆ รวมถึงความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดรูปอีกด้วย แพทย์เฉพาะทางด้านโรคข้อและภูมิคุ้มกันผิดปกติ ดร.ชิว อิงหมิง จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์จีน อธิบายว่าโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน แม้ว่าจะรักษาให้หายขาดได้ยาก แต่ “การรักษาเพื่อบรรลุเป้าหมาย” สามารถช่วยควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาดังกล่าวเน้นการสื่อสารอย่างใกล้ชิดระหว่างแพทย์และผู้ป่วย โดยกำหนดเป้าหมายการรักษาเป็นระยะ ๆ และปรับแผนการรักษาอย่างทันท่วงทีหากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโรคสะเก็ดเงินเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ภาพ/จัดทำโดย Heho Health)ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินมากมาย ตั้งแต่การใช้ยาทาภายนอกไปจนถึงการทำกายภาพบำบัดเพื่อบรรเทาอาการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากต้นเหตุของโรคเกิดจากปฏิกิริยาการอักเสบที่เกินความจำเป็นของระบบภูมิคุ้มกัน การรักษาจึงต้องมุ่งเน้นที่การแก้ไขการอักเสบจากต้นเหตุ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยาชีวภาพได้กลายเป็นตัวเลือกสำคัญในการรักษาโรคภูมิคุ้มกันตัวเอง โดยสามารถยับยั้งปัจจัยการอักเสบเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงช่วยบรรเทาอาการของแผลสะเก็ดเงินบนผิวหนัง แต่ยังช่วยลดการอักเสบในข้อต่อ และในบางกรณีสามารถบรรลุ PASI 100 หรือการกำจัดแผลสะเก็ดเงินบนผิวหนังได้อย่างสมบูรณ์ดร.ชิว ได้แบ่งปันกรณีศึกษาของผู้ป่วยโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินรายหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ หลังจากใช้ยาชีวภาพรุ่นที่สอง แผลสะเก็ดเงินของผู้ป่วยรายนี้หายไปทั้งหมด และบรรลุ PASI 100 โดยสภาพผิวกลับคืนสู่สภาพก่อนเป็นโรค ซึ่งช่วยฟื้นฟูความมั่นใจให้กับผู้ป่วย ดร.ชิว กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยไม่ควรยอมรับผลการรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ควรรักษาการสื่อสารที่ใกล้ชิดกับแพทย์ กำหนดเป้าหมายการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตภาพก่อนและหลังการรักษาโรคสะเก็ดเงิน (ภาพ/จัดทำโดย Heho Health)สำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว การดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยร่วมมือในการรักษาอย่างจริงจังและเข้ารับการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาตามพัฒนาการของโรค ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดที่มา: Heho Health (ได้รับอนุญาต)

  2024-12-19 09:05