ฤดูกาลจบการศึกษาใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนที่เพิ่งจบการศึกษากำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพื่อช่วยให้ทุกคนปรับตัวเข้ากับชีวิตการทำงานได้อย่างราบรื่น เราได้รวบรวมความรู้การประกันแรงงานที่สำคัญไว้ ได้แก่ ประกันสังคม, ประกันการจ้างงาน, ประกันอุบัติเหตุจากการทำงาน และบำเหน็จบำนาญแรงงาน
ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญแรงงาน นายจ้างควรนำส่งบำเหน็จบำนาญให้กับแรงงานที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติมาตรฐานแรงงาน (รวมถึงแรงงานสัญชาติ, คู่สมรสชาวต่างชาติ, คู่สมรสจากจีน, ฮ่องกง และมาเก๊า และผู้พำนักถาวรชาวต่างชาติ) จากวันเริ่มงานถึงวันลาออก นายจ้างต้องนำส่งบำเหน็จบำนาญไม่น้อยกว่า 6% ของค่าจ้างรายเดือนไปยังบัญชีส่วนตัวที่จัดตั้งโดยกรมประกันแรงงาน นอกจากนี้ แรงงานยังสามารถนำส่งบำเหน็จบำนาญได้ด้วยตนเองสูงสุดถึง 6% ของค่าจ้างรายเดือน สำหรับผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงานหรือกลุ่มนักศึกษาที่ทำงานพาร์ทไทม์ การเริ่มนำส่งบำเหน็จบำนาญด้วยตนเองแต่เนิ่นๆ จะทำให้มีการคุ้มครองมากขึ้นเมื่อเกษียณ ประกันสังคมให้การคุ้มครองพื้นฐานสำหรับแรงงานในช่วงที่ทำงานและหลังเกษียณ: (ภาพ / กรมประกันแรงงาน)
ประโยชน์สามประการของการนำส่งบำเหน็จบำนาญด้วยตนเอง
- ได้รับการลดหย่อนภาษี:
จำนวนเงินที่นำส่งด้วยตนเองจะไม่ถูกนับเป็นรายได้ประจำปี ทำให้ลดภาระภาษี
- มีผลตอบแทนที่รับประกัน:
ผลตอบแทนจากการนำส่งด้วยตนเองจะไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำสองปีของธนาคารในท้องถิ่น
- คุ้มครองชีวิตหลังเกษียณ:
การนำส่งบำเหน็จบำนาญด้วยตนเองจะทำให้มีเงินต้นมากขึ้นเพื่อคุ้มครองชีวิตหลังเกษียณ นายจ้างควรนำส่งบำเหน็จบำนาญแรงงานเป็นรายเดือน โดยไม่น้อยกว่า 6% ของค่าจ้างรายเดือน: (ภาพ / กรมประกันแรงงาน)
ข้อควรระวังในการนำส่งบำเหน็จบำนาญด้วยตนเอง
วิธีการสมัคร:
แรงงานสามารถแจ้งนายจ้างด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อนำส่งบำเหน็จบำนาญด้วยตนเอง ซึ่งนายจ้างจะทำการรายงานไปยังกรมประกันแรงงาน
การปรับและการหยุดนำส่ง:
แรงงานสามารถปรับสัดส่วนการนำส่งได้สูงสุดปีละสองครั้ง และสามารถขอหยุดนำส่งได้ทุกเมื่อ
การแจ้งเตือนและบันทึก:
นายจ้างต้องระบุจำนวนเงินที่นำส่งในใบแจ้งค่าจ้างทุกเดือน หรือแจ้งด้วยวิธีการเป็นลายลักษณ์อักษรหรืออิเล็กทรอนิกส์ และต้องออกใบเสร็จให้แรงงานเมื่อสิ้นปี
ผู้เข้าร่วมอื่นๆ:
นอกจากแรงงาน นายจ้าง ผู้ประกอบการอิสระ และผู้ที่ทำงานตามสัญญาจ้างยังสามารถเข้าร่วมนำส่งบำเหน็จบำนาญด้วยตนเอง และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเช่นเดียวกัน
การเลือกค่าจ้างที่เหมาะสม:
ในการประกันสังคม การเลือกค่าจ้างที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ค่าจ้างที่ต่ำเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการคุ้มครอง แนะนำให้เลือกค่าจ้างตามรายได้จริงเพื่อได้รับการคุ้มครองที่ครบถ้วน