**ความดันโลหิตสูง: ภัยเงียบที่ต้องระวัง**
ความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อที่มีอัตราการเกิดและเสียชีวิตสูงที่สุดในประเทศไทย มีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงถึง 14 ล้านคน โดยมากกว่า 7 ล้านคนยังไม่ได้รับการรักษา ความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ หากผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงเป็นเวลานานและไม่ได้รับการรักษา โรคอาจรุนแรงขึ้น
แม้ความดันโลหิตสูงจะไม่มีอาการชัดเจน แต่สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด โรคไตเรื้อรัง และการเสียชีวิต ควรรักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 120/80 มม.ปรอท หากสูงกว่า 140/90 มม.ปรอท ถือว่าเป็นความดันโลหิตสูงและต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์ หากเกิน 160/100 มม.ปรอท มีความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง และหากเกิน 180/110 มม.ปรอท ต้องรีบพบแพทย์ทันทีหากความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูง และจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์
**การเลือกอาหารสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง**
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรใส่ใจการเลือกอาหาร เพราะการรับประทานอาหารที่เหมาะสมสามารถช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตได้ หลักการเลือกอาหารง่าย ๆ คือ ลดการบริโภคโซเดียม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัดและอาหารหมักดอง เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์ เช่น ผัก ผลไม้สด ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่วชนิดแห้ง เลือกโปรตีนจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ปลา เนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ และถั่วชนิดแห้ง ควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
**ปัจจัยเสี่ยงและการป้องกัน**
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของความดันโลหิตสูงคือการเสื่อมของหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับอายุ ความเครียด พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ การรักษาระดับน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงได้ นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเฝ้าระวังความดันโลหิตยังเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม