บางประเทศในยุโรปรวมทั้งประเทศในแถบสแกนดิเนเวียและรัฐบางแห่งของสหรัฐได้เริ่มผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในความพยายามที่จะให้เศรษฐกิจเดินหน้าอีกครั้ง หลังมีสัญญาณการระบาดของโรคโควิด-19 ชะลอลง ในขณะที่อีกหลายประเทศก็กำลังชั่งน้ำหนักว่าจะยกเลิกข้อจำกัดอย่างไรไม่ให้เสี่ยงเกิดการระบาดซ้ำ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะผ่อนปรนมาตรการเข้มงวด แต่ประเทศเหล่านี้ยังคงให้ยึดหลักปฏิบัติการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัยและการตรวจหาเชื้อ
โดยเมื่อวานนี้ที่สเปนได้เห็นประชาชนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านกันแล้ว ภายหลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองที่มีผลให้ผู้คนต้องเก็บตัวอยู่บ้านนาน 7 สัปดาห์ ขณะเดียวกันรัฐบาลสเปนมีคำสั่งให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทตั้งแต่วันพรุ่งนี้
ในฝรั่งเศส มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 166 คนเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขรายวันต่ำที่สุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ โดยฝรั่งเศสนั้นจะเริ่มผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองบางส่วนในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้
และหลังปิดเมืองมานาน 2 เดือน ในวันพรุ่งนี้ชาวอิตาลีจะได้รับอนุญาตให้ออกไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะและเยี่ยมญาติได้ ร้านอาหารสามารถเปิดให้ซื้อกลับบ้านและร้านค้าส่งจะเปิดได้อีกครั้ง แต่เมื่อวานนี้อิตาลีพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ถึง 474 คนสูงที่สุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในรัสเซียพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลันเกือบ 10,000 คนในวันเดียว โดยในกรุงมอสโกซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาด พบว่าประชากรเกือบร้อยละสองติดเชื้อโควิด-19
ส่วนสหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก ในช่วง 24ชั่วโมงที่ผ่านมามีรายงานผู้เสียชีวิต 1,435 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 66,224 คนและติดเชื้อกว่า 1 ล้าน1แสนคน.
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์