การแพร่ระบาดของโรคท้องร่วงในไต้หวันในช่วงนี้มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับช่วงของวันหยุดยาวเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่กำลังจะมาถึง กรมควบคุมโรคไต้หวันเตือนประชาชนที่ปิ้งย่างบาร์บีคิวและทานอาหารร่วมกัน ให้ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยในการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการทานอาหารดิบ อาหารดิบและสุกต้องแยกออกจากกัน ปรุงอาหารให้สุกก่อนรับประทาน ล้างมืออย่างถูกวิธีบ่อยๆ หากไม่สบายให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและพักผ่อนอยู่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อในลำไส้
จากข้อมูลของการติดตามของกรมควบคุมโรคไต้หวันเผยว่า จำนวนผู้ป่วยโรคท้องร่วงของแผนกผู้ป่วยนอกและฉุกเฉินในไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (20- 26 ก.ย.) อยู่ที่ 113,361 ครั้ง ซึ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งในปีที่แล้ว ช่วงสัปดาห์เทศกาลไหว้พระจันทร์และหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ จะมีจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการท้องร่วงไปหาหมอมากขึ้น
ในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วประเทศมีผู้ป่วยโรคท้องร่วงแบบกลุ่มรวม 58 รายการ (สัปดาห์ที่ 36 ถึง 39) ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2018 ถึง 2019 ในจำนวนนี้มี 24 รายการมีผลบวก ซึ่งงส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร (10 รายการ) และผู้ป่วยแบบกลุ่มในมหาวิทยาลัย (8 รายการ) โดยตรวจพบเชื้อโนโรไวรัสเป็นส่วนมาก (19 รายการ)
กรมควบคุมโรคไต้หวันกล่าวว่า ทุกๆ ปี ชาวไต้หวันจะใช้ช่วงเวลาของเทศกาลไหว้พระจันทร์ปิ้งย่างบาร์บิคิวกับญาติพี่น้องและเพื่อนๆ หากวัตถุดิบไม่สด ไม่ได้เก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำเป็นเวลานาน หรือไม่ได้ปรุงจนทั่วถึงจนอุณหภูมิแกนกลางของอาหารสูงเกิน 70 ° C ก่อนรับประทานก็อาจจะทำให้เกิดท้องเสียหรือโรคติดเชื้อในลำไส้ได้ ส่วนการรับประทานไข่ที่ไม่ได้รับความร้อนเต็มที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อซัลโมเนลลา นอกจากนี้ หอยที่อยู่ในน้ำที่ปนเปื้อน หากรับประทานดิบก็อาจจะเกิดการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย เช่น โนโรไวรัส, วิบริโอเอนเทอทิดิส, วิบริโออหิวาตกโรค เป็นต้น ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องร่วง โดยเฉพาะเชื้อโนโรไวรัสมีการแพร่ระบาดได้ง่ายจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อขนาดใหญ่ในสถานที่ที่มีประชากรหนาแน่น
กรมควบคุมโรคเตือนประชาชน การเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ ไม่ว่าจะรับประทานอาหารร่วมกันหรือปิ้งย่าง ควรรักษาความสดใหม่ของวัตถุดิบ แยกของปรุงสุกและดิบออกจากกัน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน และล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ หากประชาชนมีอาการที่น่าสงสัยก็ควรหลีกเลี่ยงการจับอาหารและรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดและพักผ่อนอยู่บ้าน ใส่ใจกับการสูญเสียน้ำ อิเล็กโทรไลต์ และโภชนาการ หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอกก็ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย รักษาสุขอนามัยของมือ เพื่อไม่ให้แพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น