การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้วันที่ 4 ธ.ค.ของทุกปี เป็น “วันรู้รักสามัคคี” ซึ่งถือเป็นวันสำคัญของชาติ โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ
วันรู้รักสามัคคี” มีจุดประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญ ของความสามัคคี รู้จักหน้าที่ และส่งเสริมให้เกิดความเจริญแก่ประเทศชาติ แนวคิดการกำหนดวันรู้รักสามัคคีปรากฏขึ้นครั้งแรกในกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2534 โดยคำว่า “รู้ รัก สามัคคี” มีความหมายลึกซึ้ง สามารถปรับใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย โดยทั้ง 3 คำ สามารถขยายความได้ดังนี้
“รู้” คือ การลงมือทำสิ่งใดนั้น จะต้องรู้เสียก่อนรู้ถึงปัจจัยทั้งหมด รู้ถึงปัญหา และรู้วิธีการแก้ปัญหา
“รัก” คือ ความรัก เมื่อเรารู้ครบถ้วนด้วยกระบวนความแล้ว จะมีแรงกระตุ้นให้ทำงานด้วยความเต็มใจ
“สามัคคี” คือ การที่จะลงมือปฏิบัตินั้น ควรคำนึงถึงเสมอว่าเราจะทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องทำงานร่วมมือร่วมใจ เป็นองค์กร เป็นหมู่คณะ จึงจะมีพลังเข้าไปแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
และเนื่องจากวันที่ 5 ธ.ค. ของทุกปีเป็นวันชาติ ดังนั้น การกำหนดให้วันที่ 4 ธ.ค. ของทุกปี เป็น “วันรู้รักสามัคคี” สามารถลำดับและดำเนินกิจกรรมได้สอดคล้องให้ตระหนักถึงความสามัคคีนำไปสู่ความเป็นชาติ
การกำหนดให้มี “วันรู้รักสามัคคี” ดังพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นการเทิดพระเกียรติ น้อมรำลึกและสืบสานพระราชปณิธานของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงห่วงใยประชาชนและแสดงถึงการมีจิตใจเสียสละร่วมกัน ดำเนินการด้วยความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์