เมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา ของประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถวัดอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 31.6 องศาเซลเซียส (89 องศาฟาเรนไฮต์) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อประมาณ 17.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ค. อุณหภูมิสูงสุดบันทึกไว้ที่สนามบินนานาชาติเท็ดสตีเวนส์แองเคอเรจ 31.6 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดที่ 29.4 องศาเซลเซียส (85 องศาฟาเรนไฮต์) เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 1969
กรมอุตุนิยมวิทยของสหรัฐ (National Weather Service) รายงานว่า แม้ว่าอุณหภูมิในอะแลสกาจะลดลงมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 ก.ค. แต่อะแลสกายังมีอุณหภูมิที่สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
เมื่อเดือนที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองแองเคอเรจอยู่ที่ 15.8 องศาเซลเซียส (60.5 องศาฟาเรนไฮต์) ซึงมีค่าเฉลียที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่แล้วถึง 5.3 องศา เป็นเดือนมิ.ยที่ร้อนที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลสภาพอากาศ นอกจากนี้ ในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมายังมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาด้วย
นอกเหนือจากความร้อน อะแลสก้ายังแห้งแล้งกว่าปีที่แล้ว โดยเดือนที่แล้วมีฝนตกเพียง 6% ของค่าเฉลี่ย และเกิดไฟป่า ส่งผลให้หน่วยดับเพลิงเมืองแองเคอเรจต้องสั่งห้ามการจุดพลุฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันอัคคีภัย
ศูนย์การประเมินสภาพภูมิอากาศและนโยบายอะแลสกาชี้ว่า อลาสก้าร้อนขึ้นเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก ความผิดปกติของสภาพภูมิอากาศไม่เพียง แต่ก่อให้เกิดความแห้งแล้งและความร้อนเท่านั้น แต่ยังเกิดไฟป่าและอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและเกิดหายนะต่อระบบนิเวศวิทยา ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนและอุตสาหกรรมการประมงด้วย
ศูนย์การประเมินสภาพภูมิอากาศและนโยบายอะแลสกากล่าวอีกว่า ปกติแล้วน้ำแข็งในอะแลสก้าจะละลายประมาณเดือนพ.ค. แต่ในปีนี้ ตั้งแต่เดือนมี.ค.ก็ละลายหมดแล้ว นอกจากนี้ ไฟป่าที่เกิดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. จนถึงปัจจุบันยังดับไม่สนิท ทำให้หมอกควันส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในเมืองแองเคอเรจซึ่งมีความหนาแน่นของประชากรเป็นอย่างมาก
