เพื่อไม่ให้แรงงานข้ามชาติกลายเป็นช่องโหว่ของการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เมื่อไม่นานมานี้ นางซู่ หมิ๋งชุน (許銘春) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไต้หวันได้เดินทางลงใต้เพื่อเดินทางไปตรวจสอบหอพักแรงงานข้ามชาติโรงงานเมืองหู่โข่วมณฑลซินจู๋ของบริษัท Uni-President Enterprises Corporation พร้อมกับนายหนาง เหวินเคอ (楊文科) ผู้ว่าการมณฑลซินจู๋ ซึ่งโรงงานแห่งนี้เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าจะต้องวัดอุณหภูมิของร่างกาย และกรอกข้อมูลประวัติการเดินทาง ผู้ที่ใกล้ชิด และรับรองสถานะสุขภาพของตนเองจึงจะสามารถเข้าไปข้างในได้
นายหนาง เหวินเคอกล่าวว่า มณฑลซินจู๋มีจำนวนแรงงานข้ามชาติในภาคอุตสาหกรรมประมาณ 28,840 คน ซึ่งทำงานอยู่ในโรงงานมากกว่า 23,000 คน รัฐบาลมณฑลได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงแรงงานและจัดการแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ผู้ประกอบการก็ได้ช่วยตรวจสอบไม่ให้แรงงานข้ามชาติกลายเป็นช่องโหว่ของการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และทำงานเพื่อร่วมกันดูแลสุขภาพของแรงงานข้ามชาติด้วย
สำนักแรงงานมณฑลซินจู๋กล่าวว่า ณ สิ้นเดือนเม.ย. 2020 ในมณฑลซินจู๋ได้รับแจ้งว่ามีชาวต่างชาติที่พึ่งเข้ามาในประเทศประมาณ 1,809 คน โดยได้ออกให้บริการเดินทางไปเยี่ยมเยือนแรงงานข้ามชาติเพื่อตรวจสอบชีวิตความเป็นอยู่แล้ว 1,701 คนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 94% ในปีนี้นอกเหนือจากการตรวจสอบหอพักของแรงงานข้ามชาติ ยังมีการมอบเอกสารประชาสัมพันธ์ 4 ภาษา ให้กับภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และบริษัทจัดหางาน เพื่อช่วยให้แรงงานข้ามชาติเข้าใจสถานการณ์ของโรคระบาดและลดความเสี่ยงในการรวมกลุ่มกัน
สำนักแรงงานมณฑลซินจู๋กล่าวว่า ปัจจุบันแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาไต้หวันจะต้องถูกกักกันเป็นเวลา 14 วัน โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกที่สนามบิน นอกจากนี้ หากในช่วงนี้ นายจ้างต้องการว่าจ้างแรงงานข้ามชาติใหม่ก็จำเป็นต้องมีการเตรียมแผนสถานที่กักกันที่บ้านให้กับรัฐบาลท้องถิ่น หลังจากการตรวจสอบสถานที่กักกันผ่านแล้วจึงจะสามารถยื่นขอวีซ่าและใบอนุญาติการทำงานได้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการ 3 รายในมณฑลซินจู๋ยื่นขอจ้างแรงงานข้ามชาติใหม่แล้ว โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
บริษัท Uni-President ได้อธิบายถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในหอพักแรงงานข้ามชาติว่า ผู้ที่เข้าไปในหอพักต้องวัดและบันทึกอุณหภูมิร่างกาย และต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยไปจนถึงในห้องพัก ส่วนพื้นที่พักผ่อนก็ต้องรักษาระยะห่างทางสังคมด้วย สำหรับพื้นที่ที่ใช้งานร่วมกันจะมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรควันล่ะ 2 ครั้ง ในแต่ละชั้นมีการจัดแอลกอฮอล์ 75% ไว้ให้ใช้ มีการติดข้อมูลป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมห้องกักกันแยก เตรียมไว้สำหรับกักกันผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อด้วย
