เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคติดต่อไต้หวันออกแถลงการณ์ว่า วันนี้ไต้หวันไม่พบผู้ป่วยใหม่ที่ได้รับการยืนยันติดเชื้อโควิด-19 จนถึงปัจจุบันในประเทศมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 จำนวนทั้งสิ้น 81,167 ราย (ไม่ติดเชื้อ 80,105 ราย) รวมผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันทั้งสิ้น 467 ราย โดยแบ่งเป็นติดเชื้อมาจากต่างประเทศ 376 ราย ติดเชื้อในประเทศ 55 ราย และกรณีทหารเรือบนเรือรบ 36 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิต 7 ราย ส่วน 441 ราย เป็นอิสระจากการกักกันโรค และอีก 19 ราย ยังคงทำการกักกันโรคในโรงพยาบาล
สำหรับกรณีที่ทางการไทยแจ้งเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากไต้หวันและตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวกนั้น ผลการทดสอบกรดนิวคลีอิกและภูมิคุ้มกันในซีรั่มของผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดในบริษัทของแรงงานรายดังกล่าวจำนวน 189 ราย เป็นลบทั้งหมด ซึ่งแหล่งที่มาของการติดเชื้อยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยกำลังสืบสวนจากสถานที่ที่แรงงานรายดังกล่าวเดินทางไป
จากข้อมูลของศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคติดต่อไต้หวันระบุว่ามีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันทั่วโลก 16,701,684 ราย กระจายอยู่ใน 187 ประเทศ / ภูมิภาค
จำนวนผู้ป่วยในสหรัฐอเมริกามีมากที่สุดถึง 4,436,478 คน ตามมาด้วยบราซิล 2,483,191 คน อินเดีย1,483,156 คน รัสเซีย 823,515 คน และแอฟริกาใต้ 459,761 คน และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกทั้งหมด 659,892 คน โดยแบ่งเป็น 151,449 คนในสหรัฐอเมริกา 88,539 คนในบราซิล 45,878 คนในสหราชอาณาจักร 44,022 คนในเม็กซิโก และ 35,123 คนในอิตาลี
ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคติดต่อไต้หวันระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคทั่วโลกเพิ่มขึ้น 11% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาและจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในวันเดียวสูงถึงจุดสูงสุดซ้ำอยู่หลายครั้ง ซึ่งสหรัฐอเมริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ยังคงมีแนวโน้มที่รุนแรงที่สุด
ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคติดต่อไต้หวันเตือนประชาชนให้รักษาความสะอาดของมือและรักษามารยาทในการไอจาม หากเดินทางออกไปข้างนอกและไม่สามารถรักษาระยะห่างกับผู้อื่นได้ก็ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย เมื่อเดินทางมาจากต่างประเทศ หากคุณมีไข้ไอและอาการไม่สบายอื่น ๆ ก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่กักกันโรคที่สนามบินหรือท่าเรือ รวมทั้งให้ความร่วมมือกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เมื่อเข้ามาไต้หวันแล้วต้องทำการกักกันโรคที่บ้าน 14 วัน หากมีอาการที่ต้องสงสัย กรุณาติดต่อสำนักงานสาธารณสุขหรือศูนย์ดูแลสุขภาพในมณฑลเมืองที่คุณอาศัยอยู่และไปพบแพทย์ตามคำแนะนำ แต่ห้ามใช้บริการระบบขนส่งมวลชน เมื่อพบแพทย์แล้วต้องแจ้งประวัติการเดินทาง อาชีพ และประวัติผู้ที่ติดต่อใกล้ชิดเพื่อที่จะได้รับการวินิจฉัยโรคและแจ้งเตือนได้ทันเวลา