สำนักข่าวไทยรายงานว่า นายเจสัน ซู ผูอำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมของไต้หวันมีความร่วมมือกับประเทศไทยในการส่งเสริมธุรกิจ Smart Health care โดยไต้หวันนำบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยี 6 บริษัท มาร่วมงานที่ประเทศไทย ที่มีสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย ซึ่งไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นคนไทย 1 ใน 4 คนจะมีอายุมากกว่า 65 ปี ความต้องการของเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพน่าจะมีมากขึ้น และเมื่อเครือข่ายการสื่อสารมีความรวดเร็ว การมาของ Internet of Things จะทำให้อุปกรณ์ทางการแพทย์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทั้งหมด การแพทย์ทางไกลจะทำให้ผู้ป่วยสามารถเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ Smart Health care เข้ากับระบบการแพทย์ทางไกล เพื่อขอคำแนะนำในการตรวจรักษาจากแพทย์โดยไม่ต้องออกจากบ้าน
นางช่างฮุย หลิน รองผู้อำนวยการบริหาร สภาพัฒนาการค้าภายนอกไต้หวัน กล่าวว่า ในครั้งนี้ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรม Smart Health care ปัจจุบันทุกอุตสาหกรรมก็พัฒนาสู่ดิจิทัล ไต้หวันมีเทคโนโลยีสอดคล้องกับนโยบายของไทยที่ต้องการจะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาคภายใน10 ปี ความร่วมมือนี้จึงน่าจะมีส่วนช่วยให้การพัฒนาเป็นไปตามเป้าหมายสำหรับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ไต้หวันนำมาประกอบด้วยบริการ2 ส่วนคือ บริการทางการแพทย์ และเทคโนโลยีในการรักษาสุขภาพ ประกอบด้วย ระบบที่ใช้กับห้องผ่าตัด อุปกรณ์การแพทย์ เทคนิคการฟื้นฟูสุขภาพ อุปกรณ์ใช้งานทางการแพทย์ จุดแข็งในการมีอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ที่ทำงานใกล้ชิดกับบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพ จึงทำให้ไต้หวันมั่นใจในเทคโนโลยีที่มีจะตอบโจทย์ของไทยได้
นายปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสมาคมอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย จึงมีความต้องการมีเทคโนโลยีใหม่มารองรับการดูแลสุขภาพของผู้สูงวัยที่จะทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เช่น เครื่องอัลตราซาวน์ เครื่องสแกน และอุปกรณ์ รวมถึงหุ่นยนต์ในการผ่าตัดมะเร็ง เทคโนโลยีในการผ่าตัดหัวใจ รถเข็นไฟฟ้า รถเข็นช่วยในการให้ยา หุ่นช่วยจ่ายยา ฯลฯ หากประเทศไทยต้องการเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องการเป็นอย่างมาก
ข้อมูลข่าวจาก สำนักข่าวไทย