ปัจจุบันตลาดความงามในประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 258,275 ล้านบาท เติบโต 11.6% โดยแบ่งเป็นสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม 50,277.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% และสินค้าทั่วไป 175,880.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.55% ขณะที่ตลาดเครื่องสำอางปี 2567-2568 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง 17.4% และ 12.9% ตามลำดับ โดยมูลค่าตลาดในประเทศคิดเป็น 79% และตลาดส่งออก 21% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดความงามยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีการแข่งขันสูง
ในปี 2568 เทรนด์ที่โดดเด่นคือ “Green Beauty” หรือผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25-30 ปี ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ลดการใช้สารเคมีและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ นวัตกรรมทางการแพทย์ เช่น AI ยังเข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์ผิวพรรณและการรักษาเฉพาะบุคคล ซึ่งสอดรับกับความนิยมที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่ม LGBTQ+
อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองให้ดูดีและมั่นใจยังเป็นที่นิยม โดยกลุ่มคนอายุ 20 ปี จะเน้นความกระจ่างใส ส่วนกลุ่มอายุ 30 ปี ขึ้นไปจะเน้นการชะลอวัยและผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษ์โลก ขณะเดียวกันในปี 2568 การฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ยังคงเป็นที่นิยมสูงสุด รวมถึงการทำหัตถการอื่นๆ เช่น การกรอผิว ไฮฟู และเลเซอร์
ภายในปี 2025 แนวโน้มของเวชศาสตร์ความงามและความงามจะมุ่งเน้นไปที่การชะลอวัยและผลิตภัณฑ์ Green Beauty ที่เป็นออร์แกนิก
รศ.พิเศษ พญ.วิไล ธนสารอักษร เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกสถานพยาบาล แพทย์ที่เชี่ยวชาญ และผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี อีกทั้งยังแนะนำให้ผู้บริโภคคำนึงถึงความพอดีและความงามที่เป็นธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสพติดความงามที่เกินความจำเป็น
