img
:::

หลังจากดุลูกแล้วจะเยียวยาจิตใจอย่างไร? ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูกชาวอเมริกันบอกว่า การขอโทษคือจุดเริ่มต้นของความรัก!

หลังจากพยายามพูดคุยกับลูกอย่างใจเย็น แต่ลูกไม่ฟัง ฉันอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้สึกเสียใจ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกก็แย่ลงไปแล้ว (ภาพ / Heho)
หลังจากพยายามพูดคุยกับลูกอย่างใจเย็น แต่ลูกไม่ฟัง ฉันอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้สึกเสียใจ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกก็แย่ลงไปแล้ว (ภาพ / Heho)

หลังจากพ่อแม่ตะโกนใส่ลูก ควรขอโทษหรือไม่? พ่อแม่หลายคนอาจเคยประสบกับความสับสนนี้ เมื่อพวกเขาพูดกับลูกด้วยเหตุผลแต่ลูกไม่ฟัง จนสุดท้ายพ่อแม่ก็ต้องระเบิดอารมณ์ออกมา และหลังจากนั้นก็รู้สึกเสียใจ แต่ว่ารอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกจะไม่หายไปเอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูชื่อดังจากอเมริกา ดร. เบคกี้ เคนเนดี้ ได้ให้คำแนะนำว่า — การขอโทษเป็นก้าวแรกในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ และเป็นกุญแจสำคัญในการให้ความรักและความรู้สึกปลอดภัยแก่ลูก 

ดร. เบคกี้ ซึ่งเป็นแม่ของเด็กวัยเรียนสามคน ได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่หลายคน เธอชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าพ่อแม่จะรู้สึกเสียใจเพียงใดหลังจากที่ระเบิดอารมณ์ การปล่อยเวลาให้ผ่านไปไม่สามารถลบล้างผลกระทบต่อจิตใจของลูกได้ เราต้องทำบางสิ่งบางอย่าง และการขอโทษคือวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ 

เธอได้แบ่งปันในงานบรรยาย TED ของเธอว่า การสะท้อนความคิดของพ่อแม่และคำขอโทษที่จริงใจสามารถช่วยให้ลูกเปลี่ยนวิธีจดจำช่วงเวลาที่เลวร้าย ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว เศร้าโศก และโกรธ เมื่อพ่อแม่กล่าวคำว่า "ขอโทษ" และอธิบายเหตุผลที่พวกเขาระเบิดอารมณ์ออกมา ลูกจะเข้าใจมากขึ้นว่าการแสดงออกทางอารมณ์ของตนเป็นเรื่องปกติ และจะรู้สึกถึงความรักและความเอาใจใส่จากพ่อแม่ 

เมื่อพ่อแม่โกรธใส่ลูก มักจะมีคำพูดหรือการกระทำที่เกินไป สิ่งนี้จะทำให้ลูกกลัว โดดเดี่ยว หรือแม้กระทั่งรู้สึกผิด แต่ถ้าพ่อแม่สามารถขอโทษอย่างจริงใจในภายหลัง และสัญญาว่าจะปรับปรุงในครั้งต่อไป ลูกจะรับรู้ถึงความรักและความเข้าใจ และไม่ต้องจมอยู่ในความรู้สึกผิด การขอโทษจึงเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูรอยร้าวในความสัมพันธ์ ให้ลูกสัมผัสถึงคำขอโทษและความรักจากพ่อแม่ และไม่รู้สึกเศร้าหมองอีกต่อไปดร. เบ็คกี้ เคนเนดี นักจิตวิทยาชื่อดังของสหรัฐฯ แนะนำว่า ไม่มีคำว่าสายเกินไปในการซ่อมแซมรอยร้าวในความสัมพันธ์กับลูกของคุณ (ภาพ / Heho)

หากพ่อแม่เคยชินกับการแสดงความโกรธต่อลูกมานานหลายปี ทำให้ความสัมพันธ์เริ่มห่างเหินไป ยังมีโอกาสที่จะฟื้นฟูหรือไม่? ดร. เบคกี้ ให้คำตอบเชิงบวก เธอเน้นว่า แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็สามารถมีผลกระทบเชิงบวกอย่างลึกซึ้งต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกได้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ การขอโทษและส่งสารแห่งความรักยังคงสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้เสมอ

พ่อแม่หลายคนบอกว่า ในตอนแรกพวกเขามักพูดด้วยเหตุผลซ้ำๆ เช่น "กรุณาไปนอน" แต่เมื่อเด็กไม่ฟัง พ่อแม่ก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ไม่ว่าจะเครียดแค่ไหน ก็ไม่ควรตะโกนใส่ลูก ดร. เบคกี้ แนะนำว่า พ่อแม่ควรพูดกับลูกว่า "แม่ขอโทษที่ตะโกนใส่ลูกเมื่อคืนนี้ แม่คิดว่าเราทั้งคู่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก มาคิดกันดูว่าเราจะทำอย่างไรให้การไปนอนเป็นเรื่องง่ายขึ้น ลูกมีความคิดอะไรบ้าง?"ดร. เบ็คกี้ เคนเนดี กล่าวว่า แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจส่งผลลึกซึ้งต่อเด็กและความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก (ภาพ / Heho)

เมื่อพ่อแม่เชื่อว่าลูกสามารถร่วมมือกับตนเพื่อปรับปรุงสถานการณ์ เด็กก็จะเริ่มแสดงเจตนาดีของเขา และกลายเป็นคนที่เข้าใจวิธีการแก้ไขปัญหามากขึ้น การโต้ตอบแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก แต่ยังชี้นำให้เด็กเรียนรู้วิธีหาทางออกเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก

ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพียงใด ก็สามารถนำโอกาสใหม่ๆ มาสู่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกได้ คำขอโทษที่จริงใจไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรัก แต่ยังเป็นโอกาสที่ล้ำค่าในการสอนเด็กถึงวิธีเผชิญหน้ากับข้อผิดพลาดและฟื้นฟูความสัมพันธ์

มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็น

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

:::
ข่าวล่าสุด 最新消息icon
回到頁首icon
Loading