img
:::

หลบหนีในไต้หวันมากว่า 16 ปี โครงการของสตม.ไต้หวันช่วยเหลือให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวเวียดนามได้กลับบ้านเกิดดั่งใจฝัน

หลบหนีในไต้หวันมากว่า 16 ปี โครงการของสตม.ไต้หวันช่วยเหลือให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวเวียดนามได้กลับบ้านเกิดดั่งใจฝัน

เสี่ยวลี่ เป็นชาวเวียดนาม เมื่อ 18 ปีที่แล้ว เพื่อนของเธอได้แนะนำให้รู้จักกับนายจังชาวไต้หวัน จนกระทั่งทั้งสองคนรักกันและตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน นายจังได้พาเสี่ยวลี่กลับไปเวียดนามเพื่อจัดการกับเอกสารการแต่งงาน แต่เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนจึงได้มอบหมายให้เพื่อนชาวเวียดนามจัดการ แต่เพื่อนที่รับเงินไปแล้วกลับไม่ช่วยอะไรเลย ทำให้เดินเรื่องเอกสารการแต่งงานไม่สำเร็จ ประกอบกับเสี่ยวลี่ตั้งท้องก็เลยต้องกลับมาคลอดลูกที่ไต้หวันก่อน หลังจากที่คลอดลูกได้ 1 เดือน ก็ได้รีบกลับไปเวียดนามทันทีเพื่อเดินเรื่องเอกสารการแต่งงานต่อ แต่เนื่องจากเขาไม่ได้เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องจึงทำให้เผชิญกับความยากลำบากอีกครั้งและต้องกลับมาไต้หวันด้วยความทุกข์ใจ และตั้งแต่มีลูกก็ทำให้ชีวิตยุ่งมาตลอด ทำให้เรื่องของการแต่งงานก็ได้ถูกลืม จนเวลาผ่านไปเสี่ยวลี่ก็อยู่ในไต้หวันมานานกว่า 16 ปี

ในการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เปิดโครงการเข้ามอบตัวด้วยตนเองเพื่อให้ชาวต่างชาติที่พำนักในไต้หวันเกินกำหนดเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง และจะไม่ถูกคุมขัง ไม่ถูกจำกัดห้ามเข้าไต้หวัน และเสียค่าปรับในอัตราที่ต่ำ โดยในช่วงเวลาของโครงการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไต้หวัน (สตม.ไต้หวัน ) ทีมปฎิบัติการพิเศษ สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยนได้ทำการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ เฟสบุ๊ก หรือไลน์กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อโน้มน้าวให้ชาวต่างชาติที่พำนักเกินกำหนดเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง เสียวลี่ได้ทราบรายละเอียดของโครงการดังกล่าวในเดือนพ.ค. เธอรู้สึกไม่สบายใจมานานถึง 16 ปี ในทุกๆ วันเธอหวังว่าจะได้กลับบ้านเพื่อเยี่ยมพ่อแม่ ผู้สูงอายุและคนที่รัก ทำอาหารจานโปรดของพ่อและกอดแม่ด้วยมือทั้งสองและพูดคุยกัน หลังจากคิดไตร่ตรองเป็นเวลา 1 เดือน และรวบรวมความกล้าเข้าไปมอบตัวกับทีมปฎิบัติการพิเศษ สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยนในวันสุดท้ายของระยะเวลาดำเนินโครงการ เป็นการสิ้นสุดชีวิตที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เสียที

เสี่ยวลี่ย้อนความหลังว่า ในระหว่างที่เธออยู่ในไต้หวัน เธอมีลูก 3 คน ทุกๆ วันต้องทำอาหาร 3 มื้อ และดูแลสมาชิกในครอบครัว  แต่เธอก็ไม่กล้าออกไปข้างนอก แม้กระทั่งป่วยก็ไม่กล้าไปหาหมอ เพราะกลัวเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจตอนออกไปข้างนอก ทั้งครอบครัวต้องพึ่งพารายได้ที่ไม่มากของนายจาง แม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก แต่ครอบครัวก็สามารถมีความสุขด้วยกันได้ เสี่ยวลี่ไม่กล้าเข้ามอบตัวมาโดยตลอดเนื่องจากกลัวว่าหลังจากที่รัฐบาลส่งตัวกลับเวียดนาม จะถูกจำกัดระยะเวลาห้ามเข้าไต้หวัน เพราะลูกคนเล็กของเธอมีอายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น และกลัวไม่มีคนดูแล เสี่ยวลี่ได้คว้าโอกาสจากโครงการนี้จนในที่สุดก็สามารถเดินทางกลับเวียดนามและได้เจอกับสมาชิกในครอบครัว และไม่ถูกจำกัดระยะเวลาห้ามเข้าไต้หวันด้วย ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก

ทีมปฎิบัติการพิเศษ สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยนกล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีระยะเวลา 3 เดือน สามารถจับกุมชาวต่างชาติที่พำนักเกินกำหนดได้ 7,617 คน โดยเป็นผู้ที่เข้ามอบตัวด้วยตนเอง 4,443 คน หลายคนที่คล้ายๆ กับเสี่ยวลี่ที่พำนักในไต้หวันเกินกำหนดหลายปี แต่ด้วยความช่วยเหลือของสตม.ไต้หวันก็ทำให้ได้กลับบ้านอย่างราบรื่น

สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยนทำการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ เฟสบุ๊ก หรือไลน์กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อโน้มน้าวให้ชาวต่างชาติที่พำนักเกินกำหนดเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง (ภาพจาก สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยน)

ผู้ที่เข้ามอบตัวด้วยตนเอง เดินทางมาเดินเรื่องการเดินทางออกนอกประเทศที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ภาพจาก สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยน)

สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยนทำการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ เฟสบุ๊ก หรือไลน์กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อโน้มน้าวให้ชาวต่างชาติที่พำนักเกินกำหนดเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง (ภาพจาก สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยน)

สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยนทำการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ เฟสบุ๊ก หรือไลน์กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อโน้มน้าวให้ชาวต่างชาติที่พำนักเกินกำหนดเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง (ภาพจาก สถานีบริการมณฑลฮวาเหลี๋ยน)

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

:::
ข่าวล่าสุด 最新消息icon
回到頁首icon
Loading