img
:::

รับมือ ‘วัยทองสองขวบ’ อย่างง่ายดายได้อย่างไร? 7 เคล็ดลับและหลักการ ‘ไม่ทำ 3 อย่าง’ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางอารมณ์ของลูก

การรับมือกับการร้องไห้และอารมณ์เสียของเด็กเล็กเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ในการเลี้ยงดูที่เหมาะสมกับวัย (ภาพโดย Heho)
การรับมือกับการร้องไห้และอารมณ์เสียของเด็กเล็กเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ในการเลี้ยงดูที่เหมาะสมกับวัย (ภาพโดย Heho)

วัย 2 ขวบเป็นช่วงที่เด็กเข้าสู่ "วัยต่อต้าน" ซึ่งเหมือนกับการเริ่มต้นผจญภัยเล็ก ๆ ในชีวิต เด็กในวัยนี้มักชอบพูดคำว่า "ไม่" และแสดงอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรงเมื่อไม่ได้ดังใจ สำหรับพ่อแม่ นี่คือช่วงเวลาสำคัญในการเข้าใจอารมณ์ของลูก แต่หากขาดวิธีการที่เหมาะสม อาจทำให้ทั้งเด็กและพ่อแม่สับสนหรือรู้สึกหมดหนทาง นักบำบัดอาชีวะ กัว หงหยิน ได้นำเสนอ "หลักการ 7 ทำ 3 ไม่ทำ" เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกในช่วงนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนะนำอารมณ์และอยู่เคียงข้างด้วยความอ่อนโยน

เมื่อเด็กแสดงอารมณ์โกรธหรือร้องไห้เพราะความผิดหวัง พ่อแม่สามารถช่วยแนะนำให้ลูกแสดงความรู้สึกในใจและอธิบายอารมณ์ของเขา ตัวอย่างเช่น หากลูกโกรธเพราะหอคอยบล็อกล้ม พ่อแม่สามารถพูดว่า "แม่เข้าใจว่าหนูโกรธ การที่บล็อกล้มมันน่าเสียดายจริง ๆ" การแนะนำแบบนี้ช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีแสดงอารมณ์และหลีกเลี่ยงการควบคุมอารมณ์ไม่ได้

ภาพประกอบ 1

ให้ตัวเลือกเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือ

เมื่อคุณต้องการให้ลูกให้ความร่วมมือ สามารถใช้ "วิธีการเลือก" เพื่อให้เขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เช่น เมื่อถึงเวลาต้องเก็บของเล่น คุณอาจถามว่า "หนูอยากเก็บรถก่อนหรือเก็บบล็อกก่อน?" คำถามลักษณะนี้ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์และทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ซึ่งช่วยให้เขายินดีที่จะให้ความร่วมมือมากขึ้น

อนุญาตให้ร้องไห้ แต่จำกัดพฤติกรรมก้าวร้าว

เมื่อเกิดอารมณ์เสีย เด็กต้องการเวลาเพื่อสงบสติอารมณ์ พ่อแม่สามารถอยู่เคียงข้างและให้เด็กได้ร้องไห้เพื่อระบายอารมณ์ แต่หากอารมณ์แปรเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น การตีหรือขว้างปาของเล่น พ่อแม่ควรเข้าห้ามอย่างมั่นคงและบอกว่า "ห้ามตี" หรือ "ห้ามขว้างของเล่น" เพื่อสอนให้เด็กเข้าใจขอบเขตและกฎพื้นฐานของการควบคุมอารมณ์วัย 2 ขวบเป็นช่วงแรกของการต่อต้านของเด็ก โดยมีอารมณ์ที่รุนแรง การแสดงออกที่เพิ่มขึ้น การตระหนักถึงความเป็นตัวของตัวเอง และความกระตือรือร้นในการสำรวจ (ภาพโดย Heho)

ให้เวลาเพียงพอเพื่อสร้างนิสัยที่ดี

เด็กเล็กต้องการเวลาในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสวมรองเท้าหรือเตรียมตัวออกไปข้างนอก พ่อแม่ควรจัดเวลาเพิ่มเติมอีก 10-20 นาทีเพื่อค่อย ๆ ช่วยลูกทำภารกิจประจำวัน การกระทำนี้ไม่เพียงตอบสนองความต้องการด้านความเป็นอิสระของเด็ก แต่ยังช่วยให้กิจวัตรประจำวันมีระเบียบมากขึ้น

ชี้แนะโดยไม่ถามความคิดเห็น และรักษากิจวัตรที่มั่นคง

เมื่อถึงเวลาต้องกินข้าวหรือนอนหลับ ไม่ควรถามว่า "ตอนนี้หนูกินข้าวได้ไหม?" แต่ควรพูดว่า "ถึงเวลาทานข้าวแล้ว" คำพูดที่ตรงไปตรงมานี้ช่วยให้เด็กปรับตัวกับกิจวัตรประจำวันและเข้าใจว่าต้องทำสิ่งต่าง ๆ ตามเวลา

ส่งเสริมพฤติกรรมด้วยการให้กำลังใจในเชิงบวก

เมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมที่ดี ควรชมเชยทันทีและอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น บอกว่า "วันนี้หนูเก่งมากเลย เพราะหนูพูดสิ่งที่ต้องการออกมาอย่างสุภาพ" การให้กำลังใจลักษณะนี้ไม่เพียงช่วยให้เด็กมีกำลังใจในการแสดงพฤติกรรมดี แต่ยังช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวกในระยะยาว

3 สิ่งที่ไม่ควรทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มความกดดัน

กัว หงหยิน เน้นย้ำว่า มี 3 สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • อย่ากลัวอารมณ์ของเด็ก การร้องไห้ของเด็กเป็นเพียงการแสดงอารมณ์ ไม่ใช่การต่อต้าน พ่อแม่ควรอยู่เคียงข้างและสังเกตสาเหตุที่แท้จริง
  • อย่าทำแทนทุกอย่าง การให้เด็กทำภารกิจเล็ก ๆ ด้วยตัวเองในเวลาที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความภูมิใจในตัวเอง
  • อย่าใช้ความรุนแรงเพื่อสอนเรื่องความรุนแรง การลงโทษด้วยการตีจะเพิ่มความเข้าใจผิดให้เด็กว่า การใช้ความรุนแรงสามารถแก้ปัญหาได้

เด็กทุกคนคือปัจเจกบุคคลที่ไม่เหมือนใคร

เด็กแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัวที่ถูกกำหนดจากอารมณ์พื้นฐานและสภาพแวดล้อม การเลี้ยงลูกจึงต้องใช้ความเข้าใจในความต้องการของเด็ก พร้อมกับการชี้แนะด้วยความอดทน การจัดการอารมณ์ในช่วงวัยนี้จะกลายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตที่ดีและแข็งแรงของเด็กในอนาคต

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

:::
ข่าวล่าสุด 最新消息icon
回到頁首icon
Loading