"นวดไทย" ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติในปี 2554 และมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในปี 2562 โดยองค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในซอฟท์พาวเวอร์ที่ไทยผลักดันในระดับสากล
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมนวดไทยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจเกือบ 2 แสนล้านบาทต่อปี โดยแบ่งเป็นรายได้จากการนวดอาชีพ 46,500 ล้านบาท และการนวดวิชาชีพ 143,616 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังมีความต้องการหมอนวดเพิ่มกว่า 70,000 คน
กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำว่าร้านนวดต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ และต้องแสดงหลักฐาน เช่น ใบอนุญาตจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตราสัญลักษณ์มาตรฐาน สบส. และใบอนุญาตสำหรับสปา หากไม่มีใบอนุญาต จะถือเป็นร้านเถื่อนและมีโทษปรับหรือจำคุกร้านนวดไทยต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ
นอกจากนี้ หมอนวดต้องผ่านการอบรมอย่างน้อย 150 ชั่วโมงสำหรับการนวดเพื่อสุขภาพ และหลักสูตรขั้นสูง 330–1,300 ชั่วโมงสำหรับการนวดเพื่อการรักษา เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ หัวไหล่ติด นิ้วล็อก หรือโรคอัมพฤกษ์อัมพาต
กระทรวงสาธารณสุขยังมีแผนยกระดับวิชาชีพหมอนวด ด้วยการเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านใน 7 กลุ่มอาการ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่หมอนวดไทย พร้อมทั้งส่งเสริมให้การนวดไทยเป็นทางเลือกในการรักษาร่วมกับแผนปัจจุบันอย่างมีมาตรฐาน.