นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิตกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้รับทราบการเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ โดยจะเก็บตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ซีโอ2) แทนการเก็บภาษีตามขนาดเครื่องยนต์ (ซีซี) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 เป็นต้นไป โดยกรมสรรพสามิตจะเริ่มเก็บภาษีอัตราใหม่กับรถจักรยานยนต์ที่ผลิตออกจากโรงงานไทย หรือมีการสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ และทำให้อัตราภาษีมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม
โดยอัตราภาษีแบบใหม่ จะทำให้รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 150 ซีซี ซึ่งเป็นรถส่วนใหญ่ที่คนไทยใช้ 90% จะเสียภาษีเพิ่มคันละ 100 กว่าบาท จากเดิมเสียภาษีในอัตรา 2.5% ก็เพิ่มขึ้นเป็น 3% ของราคาขายปลีกหรือราคานำเข้า ดังนั้นจะมีผลกระทบต่อประชาชนเพีบงเล็กน้อย หรืออาจจะไม่กระทบเลย เพราะผู้ผลิตอาจยอมรับภาระภาษีไว้เองเพื่อรักษาการแข่งขันในตลาด
อย่างไรก็ตาม รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ เครื่องยนต์เกิน 1,000 ซีซี หรือรถบิ๊กไบค์ ซึ่งเป็นรถราคาสูงและมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจำนวนมาก อาจได้รับผลกระทบและต้องเสียงภาษีเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยบางคันหากมีราคาขายปลีกเกินหลักล้านบาท และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เยอะ อาจต้องเสียภาษีสรรพสามิตสูงถึงคันละ 1 แสนบาทได้ แต่หากผู้ประกอบการสามารถใช้เทคโนโลยีให้มีการปล่อยซีโอ 2 ลดลงก็จะเสียภาษีถูกลง
รถบิ๊กไบค์โดยทั่วไปมีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และกินน้ำมันมาก มีการปล่อยก๊าซซีโอ2 ออกมาสูงกว่ารถจักรยานยนต์ทั่วไป จึงต้องเสียภาษีในอัตราสูงขึ้น ปัจจุบันรถบิ๊กไบค์ในประเทศไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมีสัดส่วน 2-3% ของรถจักรยายนต์ทั้งประเทศกรมสรรพสามิตประมาณการว่าการจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ จะช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 500-700 ล้านบาท
ข้อมูลข่าวจาก เดลินิวส์
